ฉีดฟิลเลอร์ปาก 10 คำถามยอดฮิตที่ต้องรู้
ฟิลเลอร์ปาก นับเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังมาแรงไม่แพ้ฟิลเลอร์ปากกระจับ และ ฟิลเลอร์ยกมุมปาก รวมถึงในส่วนอื่นๆ บนไปหน้า ของเราเลย ซึ่งปัจจุบันสาวๆ น้อยใหญ่ต่าง หันมาให้ความสนใจการ ฉีดฟิลเลอร์ปาก มากขึ้น เพื่อให้มีริมฝีปากที่อวบอิ่ม และเซ็กซี่ โดดเด่น การฉีดฟิลเลอร์บริเวณปากนั้น นอกจากจะช่วยทำให้ปากดูอิ่มมีน้ำมีนวลมากขึ้นแล้ว ยังช่วยปรับเปลี่ยนรูปปาก ให้ได้สัดส่วน ดูเป็นธรรมชาติ และดูอ่อนกว่าวัยได้ด้วยค่ะ
การเติมฟิลเลอร์ที่ปาก หรือ ฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ อีกหนึ่งหัตถการที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าถูกพูดถึงมากที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากการแก้ไขรูปปากด้วยการฉีดฟิลเลอร์นั้น กลายมาเป็นเรื่องง่ายๆ ของใครหลายคน เพราะเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ อย่างเช่น การตกแต่งศัลยกรรมแล้วนั้น ค่อนข้างจะมีความยุ่งยากมากพอสมควร รวมถึงเมื่อทำการผ่าตัดแล้วจะไม่สามารถแก้ไขให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก ดังนั้น การเติมฟิลเลอร์ปาก จึงเป็นวิธีที่เหมาะสม และตอบโจทย์ให้กับคนยุคนี้ได้มากที่สุด เพราะไม่ต้องทำการผ่าตัด หรือพักฟื้นให้เสียเวลา สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ และนอกเหนือจากฟิลเลอร์จะช่วยเปลี่ยนรูปทรงปากให้ดูสวยงาม เซ็กซี่ได้ตามต้องการแล้ว ยังสามารถช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง เช่น อาการปากแห้ง ปากแตก รวมถึงปัญหาอื่นๆ ซึ่งหากใครอยากรู้ บอกเลยว่าไม่ควรพลาดค่ะ
10 เหตุผลว่าว่าฟิลเลอร์ปากช่วยให้ปากอวบอิ่มได้อย่างไร
1.ทำไมถึงต้องทำฟิลเลอร์ที่ปากกระจับ ปากอิ่ม ยกมุมปาก
เนื่องจากปัญหาของสาวๆ หลายคนต้องพบเจอ ไม่ว่าจะเป็น รูปปากบาง ปากเล็ก ไม่สมส่วน หรือมุมปากไม่เท่ากัน ทำให้การฉีด HA filler ปาก นับเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้นได้อย่างดี และเห็นผลได้ทันทีหลังโดยใช้เวลาเพียงแค่ 30 – 40 นาที ก็สามารถทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม เข้ารูป ยกมุมปาก เติมเต็มร่องปาก ทำให้สาวๆ ได้เพิ่มความมั่นใจ และเสน่ห์ ให้ริมฝีปากงดงามน่าสัมผัส และดูเซ็กซี่มากยิ่งขึ้น
จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมในสมัยนี้สาวๆ หลายคนจึงเลือกการฉีด HA filler ปากให้อยู่ในอันดับต้นของการเสริมความงามค่ะ
2.ทำไมฟิลเลอร์ปากถึงช่วยให้หน้าดูเด็กลงได้ ?
จากการศึกษาด้าน Anti – Aging (เวชศาสตร์ชะลอวัย) พบว่าเมื่ออายุมากขึ้นนั้น จะทำให้ริมฝีปากของเราบางลง และไม่ได้บางลงเฉพาะช่วงริมฝีปากเท่านั้น ยังรวมถึงผิวบริเวณโดนรอบด้วยค่ะ โดยจะทำให้เห็นริ้วรอยที่อยู่รอบปากชัดขึ้นนั่นเองค่ะ ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้ดูแก่ มีอายุได้ขึ้นค่ะ
3.ข้อดี : HA filler ปากมีอะไรบ้าง
- เห็นผลได้ทันทีหลังฉีด ช่วยให้สาวๆ มีรูปปากที่ดูดีขึ้นได้อย่างง่ายดายภายในเวลาไม่กี่นาที
- มีความปลอดภัยสูง
- ดูแลง่าย
- ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น
- ราคาต่ำกว่าการทำศัลกรรม
4.ข้อด้อย : การ HA filler ปากมีอะไรบ้าง
- ไม่มีผลถาวร
- ระยะเวลาส่งผล นั้นขึ้นอยู่กับ ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีด พฤติกรรมของคนไข้เอง และรวมถึงปัจจัยภายในต่างๆด้วยค่ะ
- ควรหลีกเลี่ยงอาหารร้อนจัดในช่วงแรกๆ ค่ะ เพราะ อาจจะทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วกว่าอายุจริงของ filler ได้ค่ะ
5.หลังจากทำบวมช้ำมากไหม
หลังทำการฟิลเลอร์ปากแล้ว จะมีรอยเข็มเล็กๆ เป็นจุดแดง อยู่บริเวณรอบๆ ริมฝีปากค่ะ โดยรอยเข็มนี้สามารถปิดบังได้โดยการทาลิปสติกได้ค่ะ และที่สำคัญจุดแดงๆ เหล่านี้จะสามารถหายไปได้เองภายใน 1 สัปดาห์
สำหรับอาการบวมนั้นจะค่อยๆดีขึ้นใน 1-3 วันค่ะ
6.การดูแลตัวเองหลังทำมีะไรบ้าง
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มร้อน เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปเสียทรงได้ค่ะ
- ควรดื่มน้ำเยอะๆ ประมาณ 8 – 16 แก้ว ต่อวัน เพื่อให้ฟิลเลอร์ฟูขึ้น และกระจายตัวได้ดีขึ้นค่ะ
- หลีกเลี่ยงการดึง การแกะ เกา รวมไปถึงการลอก หรือทำลายผิวริมฝีปาก
7.หลังฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นก้อน สามารถแก้ไขได้ไหม
สามารถแก้ไขได้ค่ะ ต้องขออธิบายก่อนนะคะว่า จริงๆ แล้วฟิลเลอร์ที่เราทำการฉีดเข้าไปนั้น สามารถสลายไปได้เองค่ะ
แต่หากต้องการจะแก้ไขรูปปากจริงๆ ก็สามารถทำได้โดยการฉีดสารเอ็นไซม์ ที่มีชื่อว่า ไฮยารูโรนิเดส (Hyaluronidase) ที่มีคุณสมบัติในการสลาย Hyaluronic Acid หรือ ฟิลเลอร์ ที่เราฉีดเข้าไปนั่นเอง โดยบริเวณที่ฉีดจะยุบตัวลง และละลายไปเองค่ะ
8.HA filler ปากอันตรายไหม
ฟิลเลอร์หรือสารเดิมเต็มที่นำมาใช้ในการฉีดริมฝีปากนั้น ได้รับการรับรองคุณภาพ รวมถึงมาตรฐานจาก อย. ทั้งในไทยและต่างประเทศค่ะ นอกจากนี้สามารถสลายได้ด้วยตัวเองโดยทั่วไปแล้ว จะไม่มีอันตราย ที่สำคัญก่อนทำควรศึกษาข้อมูลให้ดี และปรึกษาแพทย์ ก่อนทุกครั้งค่ะ
จริงหรือไหม ที่ว่าไปทำฉีดฟิลเลอร์ที่ปากมา(จาก)เกาหลี แล้วปากเน่า ?
ฟิลเลอร์บริเวณปาก อาจจะทำให้ปากเน่าได้ เนื่องจากบริเวณริมฝีปากนั้น มีเส้นเลือดฝอย และเส้นประสาทอยู่เป็นจำนวนมาก หากทำการฉีดไม่ถูกวิธี เทคนิคแพทย์ไม่ดี จะเกิดผลเสียร้ายแรงได้ค่ะ ดังนั้นก่อนพิจารณาทำ จึงควรปรึกษากับแพทย์และผิตภัณฑ์ที่ใช้ก่อนทุกครั้งค่ะ
9.ขั้นตอนการHA filler ปากมีะไรบ้าง
เริ่มต้นแพทย์จะทำการให้ยาชาบริเวณริมฝีปาก ก่อนทำการฟิลเลอร์ปากนั้น รู้สึกเจ็บเล็กน้อยลง และเพื่อลดอาการบวมหลังฉีดด้วยค่ะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนจำนวนเข็มที่ฉีดนั้น ขึ้นอยู่กับความหนาของริมฝีปากค่ะ เมื่อฉีดเสร็จต้องนอนราบประมาณชั่วครู่ เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่ โดยขั้นตอนการทำทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 30 – 40 นาทีค่ะ
10. HA filler ปาก อยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นกับอะไรบ้าง
- ชนิดฟิลเลอร์ที่ใช้
- พฤติกรรม การขยับปาก การเสียดสี จะทำให้ HA filler ซึ่งเป็นคอลลาเจนตัวหนึ่งนั้นสลายไปได้เร็วขึ้น
นับเป็นอีกหนึ่งหัตถการที่กำลังมาแรงในยุคนี้ถ้าจะไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ จริงไหมคะ เพราะเทรนความงามแบบฝั่งตะวันตก และฝั่งเกาหลี เป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนอยากจะสวยดูดีตามกันทั้งนั้น แถมนวัตกรรมฟิลเลอร์ก็ก้าวไกล ทำให้คนสวยได้โดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอให้เจ็บตัว ถึงกระนั้นหลายคนก็ยังคงลังเลใจ กล้าๆ กลัวๆ ที่จะทำ ขอบอกเลยค่ะ ว่าไม่น่ากลัวอย่างที่คิดเลย
ถ้าได้อ่านบทความนี้แล้ว คงพูดกันในใจว่า ‘ รู้อย่างนี้ทำตั้งนานแล้ว ’ แน่นอนค่ะ
ฟิลเลอร์ยกมุมปากดีอย่างไร ?
- ช่วยแก้ไขรูปปากที่ไม่สมดุล เช่น ปากคว่ำมองดูแล้วไม่เป็นมิตร ปากบาง หรือหนาเกินไป ริมฝีบางบนล่างไม่เท่ากัน ยิ้มแล้วเห็นเหงือก เป็นต้น
- ช่วยทำให้หน้าดูเด็กลงโดยปกติเมื่อเราอายุเพิ่มมากขึ้น ริมฝีปากจะบางลง ส่งผลให้หน้าดูแก่ มีอายุ หากเราฉีดฟิลเลอร์เข้าไปก็จะช่วยทำให้ปากแลดูเต่งตึงอวบอิ่ม มีน้ำมีนวลเพิ่มมากขึ้นค่ะ
- ช่วยปรับลุคให้กับใบหน้าเราได้ค่ะ นอกจากจะปรับเปลี่ยนรูปปากให้ดูดีแล้ว ยังช่วยในเรื่องของการปรับลุคให้กับใบหน้าของเราได้อีกด้วย เพราะเราสามารถเลือกปากที่ชอบ ทรงที่โดน มาให้คุณหมอพิจารณาก่อนทำได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นสไตล์ตะวันตก หรือสไตล์เกาหลี คุณหมอก็จัดให้ได้ค่ะ
ฟิลเลอร์ต่างจากผ่าตัดอย่างไร ?
การ ฉีดฟิลเลอร์ คือการสวยได้โดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอ ใช้เวลาในการทำน้อย และไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนานเหมือนการผ่าตัด อีกทั้งไม่เกิดอาการบวมช้ำเหมือนการผ่าตัด แต่อาจจะมีเพียงรอยเข็มเล็กๆ เป็นจุดแดง อยู่บริเวณรอบๆ ริมฝีปาก ซึ่งรอยเข็มนี้สามารถปิดบังได้โดยการทาลิปสติกค่ะ และจุดแดงๆ สามารถหายได้เองภายใน 1 สัปดาห์
อีกทั้งข้อต่างแตกที่มาเหนือการผ่าตัดนั่นก็คือ หากเราไม่พอใจหลังทำเสร็จ ก็สามารถกลับมาให้คุณหมอปรับแต่งแก้ไขได้ค่ะ
เค้าว่าฟิลเลอร์ที่ปากกระจับเจ็บมากจริงไหม ?
ก่อนที่จะทำทุกครั้งคุณหมอจะทายาชาชนิดครีมทิ้งไว้ประมาณ 30-40 นาที แล้วจึงทำการฉีดยาชาซ้ำอีกครั้งค่ะ หลังจากยาชาออกฤทธิ์เต็มที่แล้วจึงทำการฉีดฟิลเลอร์ค่ะ ซึ่งจริงๆ ในตัวฟิลเลอร์เองนั้น มีส่วนผสมของยาชาอยู่แล้ว ( ขึ้นอยู่กับรุ่นและชนิดของฟิลเลอร์ค่ะ)
โดยสรุปแล้ว อาการเจ็บเล็กน้อย จะเกิดขึ้นในช่วงที่ทำการฉีดยาชาเพียงเท่านั้นค่ะ ซึ่งในส่วนของการฉีดฟิลเลอร์นั้น ไม่มีอาการเจ็บปวดอย่างที่เค้าว่ากันค่ะ
ฟิลเลอร์ที่ปากนั้นปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน ?
เนื่องจากบริเวณปาก เป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดและเส้นประสาทจำนวนมาก จึงเป็นส่วนที่ได้รับความรู้สึกค่อนข้างมาก และเซนซิทีฟ แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจะเลือก ฟิลเลอร์ ประเภทที่เป็นสารเนื้อนุ่ม เหมาะสำหรับการฉีดริมฝีปาก เพราะหากใช้ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อค่อนข้างหนัก
อาจจะทำให้ริมฝีปากดูเป็นก้อนไม่เป็นธรรมชาติได้ค่ะ อีกทั้งผลิตภัณฑ์ที่แพทย์ส่วนใหญ่เลือกใช้นั้นก็คือ สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารที่ปลอดภัย 100% สลายได้เอง ไม่เป็นอันตราย ไม่มีสารตกค้างใดๆ เลยค่ะ
และที่สำคัญต้องขึ้นอยู่กับเทคนิคในการฉีดของคุณหมอด้วยค่ะ
ระยะเวลาฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน ?
โดยทั่วไปแล้ว ฟิลเลอรที่นำมาใช้ฉีดบริเวณริมฝีปากจะสามารถอยู่ได้โดยเฉลี่ย 8-18 เดือนค่ะ
* ขึ้นอยู่กับบุคคลค่ะ
โดยความสามารถในการคงทนของตัวฟิลเลอร์นั้น จะขึ้นอยู่ 2 ปัจจัย ดังต่อไปนี้ค่ะ
- ชนิดของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ โดยฟิลเลอร์แต่ละชนิดนั้น จะมีโมเลกุลที่แตกต่างกันค่ะ ซึ่งหากเป็นฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลหนัก ก็จะคงสภาพอยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลที่เบากว่าค่ะ
- ความร้อน เนื่องจากความร้อนมีผลต่อการสลายตัวของฟิลเลอร์ หากใครชอบรับประทานของร้อนเป็นประจำ ก็อาจจะทำให้ฟิลเลอร์บริเวณปากของเราสลายตัวไปได้เร็วก่อนอายุจริงค่ะ
หลังจากทำแล้วแก้ไขได้ไหม ?
สามารถแก้ไขได้ค่ะ หากฟิลเลอร์ที่ฉีดเป็นก้อน หรือได้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามความต้องการ คุณหมอจะทำการฉีดสารสลายฟิลเลอร์ที่เรียกว่า Hyarulonidase เข้าไปเพื่อสลายฟิลเลอร์ หรือ Hyaluronic Acid ค่ะ
หาก คนไข้เคยฉีดสารประเภทอื่นที่ไม่ใช่ Hyaluronic Acid เช่น ซิลีโคนเหลว ฟิลเลอร์ปลอม คุณหมอจะไม่สามารถฉีดสลายให้ได้ค่ะ และต้องทำการผ่าตัดเพื่อขูดออกเท่านั้นค่ะ
ขั้นตอนการทำ
- แพทย์จะทำการประเมินรูปทรงปากที่คนไข้ต้องการก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์
- ทายาชาแบบครีมบริเวณปาก ประมาณ 30-40 นาที
- ทำการฉีดสารฟิลเลอร์เข้าไปเติมเต็มปากตามรูปทรงที่คนไข้ต้องการ ขั้นตอนนี้นับว่าสำคัญมากค่ะ เพราะแพทย์จะใช้เทคนิคในการปรับฟิลเลอร์ให้ได้รูปทรงสวยงามจนกว่าคนไข้จะพึงพอใจ
เมือฉีดแล้วปากจะบวมกี่วัน ?
คนไข้ส่วนใหญ่ที่ได้รับการฉีดฟิลเลอร์ อาจจะมีความรู้สึกตึงๆ หรือบวมเต่งบริเวณปาก ประมาณ 1-3 วันแรก แต่จะไม่มีอาการเจ็บใดๆ ค่ะ ซึ่งจะหายสนิทไปเองภายใน 1 – 2 สัปดาห์ ริมฝีปากจะเริ่มเข้าที่ เห็นรูปปากสวยงามชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ เซกู๊ดบายไปเลยค่ะ
ข้อดี
- หลังจากการฉีดฟิลเลอร์สามารถเห็นผลได้ในทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นยาวนาน หากไม่พอใจในผลลัพธ์ก็สามารถให้คุณหมอปรับแต่งแก้ไข หรือทำการฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ค่ะ ซึ่งตรงนี้ต่างจากการผ่าตัดเป็นอย่างมาก เพราะการผ่าตัดนั้น ตัดแล้วตัดเลย จะแก้ไขให้เป็นเหมือนเดิมค่อนข้างยากมากค่ะ
- ฟิลเลอร์สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ หมดห่วงเรื่องการเกิดก้อนเนื้อ หรือสารตกค้างค่ะ
- ช่วยแก้รูปทรงปากที่ไม่สมดุลในลักษณะต่างๆ เช่น ปากเบี้ยว ปากไม่เท่ากัน ปากคว่ำ ปากบาง เป็นต้น
- ช่วยให้ริมฝีปากที่ทาลิปสติก แลดูมีมิติ โดดเด่น อวบอิ่ม สีชัดขึ้นค่ะ
- ทำให้ใบหน้าดูเด็กลง โดยฟิลเลอร์จะเข้าไปช่วยเติมเต็มริมฝีปากให้ดูเอิบอิ่ม สุขภาพดี เติมเต็มร่องรอยเหี่ยวย่น และแก้ปัญหาปากแห้งที่ทำให้ใบหน้าดูมีอายุได้ค่ะ
- หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ จะไม่เป็นแผลเป็น หรือช้ำเขียวเหมือนการผ่าตัด
ข้อเสีย
- ปากเป็นบริเวณที่คนเราใช้งานบ่อยที่สุด ดังนั้นฟิลเลอร์ที่เราฉีดเข้าไปย่อมสลายหายไปได้อย่างรวดเร็ว จึงอาจทำให้ต้องไปฉีดเติมอยู่บ่อยๆ
- อันตรายหากทำกับผู้ไม่เชี่ยวชาญ และเสี่ยงจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอมได้ค่ะ
การเตรียมตัวก่อนทำ
ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากมายค่ะ แค่เตรียมใจมาเจอริมฝีปากสวยๆ ของตัวเองก็พอค่ะ
1.หากมีโรคประจำตัว หรือเคยมีประวัติแพ้ยาชา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
2 ไม่อยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือในช่วงให้นมบุตร
3.ควรงดรับประทานกลุ่มยาแอสไพริน กับกลุ่มยาเอ็นเสด และอาหารเสริมทุกชนิด เป็นเวลา 1 สัปดาห์
การดูแลหลังฉีดแล้ว
ได้ปากกระจับมาแล้ว มาดูวิธีการดูแลริมฝีปากให้สวยจับใจไปอีกนานดีกว่าค่ะ
1.ควรงดการรับประทานอาหารร้อนจัด เครื่องดื่มร้อนๆ หรือเครื่องดื่มแอลดอฮอล์ เพราะจะทำให้ปากที่ฉีดฟิลเลอร์เสียรูปทรงได้
2.ควรดื่มน้ำเยอะๆ เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำ การดื่มน้ำช่วยทำให้ปากมีความชุ่มชื้นเหมือนมีน้ำหล่อเลี้ยงตลอดเวลา จะทำให้ฟิลเลอร์คงสภาพได้นานยิ่งขึ้น
3.ในช่วงแรกๆ ควรเว้นจากการนวด คลึง ลอก หรือสครับ เพราะเป็นการรบกวนริมฝีปากมากเกินไป อาจทำให้เกิดการอักเสบได้ค่ะ
4.ควรรักษาความสะอาดอยู่เสมอ เพราะปากสัมผัสกับอาหารและน้ำลายอยู่ตลอด อาจทำให้สุ่มเสี่ยงเรื่องของแผลติดเชื้อได้ค่ะ
หากท่านสนใจบทความ และบริการอื่นๆ ของเราสามารถอ่านได้ที่นี่ค่ะ
สุดท้ายนี้ หากสนใจข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ปาก สามารถเข้าไปรับชมข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับของคลินิกเราได้ตามช่องทางดังนี้ค่ะ
ด้วย “ รีวิวจากคนไข้ที่เข้ามาใช้บริการของเรา ” ที่มาบอกเล่าประสบการณ์ความประทับใจจากการฉีดฟิลเลอร์ของเราเยอะมากๆ (คลิก! ดูรีวิว)