[รู้ก่อนได้เปรียบ] ฟิลเลอร์ร่องแก้ม รวมถึงตำแหน่งอื่นๆ แต่ละจุดต้องใช้กี่ cc

ถ้าให้พูดถึงปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้นั้น โดยทั่วไปแล้วจะขึ้นอยู่กับใบหน้าของแต่ละบุคคล โดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์จะเป็นผู้ประเมินโครงสร้างใบหน้า และคำนวณความเหมาะสมของปริมานที่ใช้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ เนื่องจากโครงสร้างใบหน้าของแต่ละบุคคลนั้น แตกต่างกัน ร่วมถึงความต้องการในปรับเปลี่ยนรูปหน้าที่ต่างกัน จึงไม่สามารถกำหนดปริมานที่ชัดเจนได้ค่ะ

โดยสรุปการทำฟิลเลอร์ใต้ตา ร่องแก้ม เพื่อแก้ไขปรับเปลี่ยนใบหน้านั้น สามารถเริ่มต้นฉีดได้ตั้งแต่ 1 – 2 cc จนถึง 20 cc เลยทีเดียวค่ะ

โดยจะแบ่งออกเป็นแต่ละ ตำแหน่งตามนี้ค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ฟิลเลอร์ร่องแก้มควรใช้ปริมานกี่ CC ยกแก้ม ยกกระชับ

ปัญหาร่องแก้มร่อง ส่งผลให้ใบหน้าแลดูแก่เกินวัย สามารถใช้ฟิลเลอร์เติมเต็มให้ดูเป็นธรรมชาติได้ โดยเฉลี่ยจะใช้ฟิลเลอร์อยู่ที่ประมาน 1 – 2 cc ค่ะ สามารถใช้ได้ถึงสูงสุด 6 ค่ะ ซึ่งนอกจากปัญหาร่องแก้มลึกแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ บริเวณแก้ม ยังสามารถฉีดเพื่อแก้ปัญหาแก้มตอบได้อีกด้วยค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม คืออะไร

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือการฉีดสารเติมเต็มจำพวก Hyaluronic acid เข้าสู่ผิวบริเวณที่เป็นร่องลึกใต้ผิวหนัง ทำให้ริ้วรอยร่องลึกที่มีลดลง และส่งผลให้ใบหน้า ดูเอิ่บอิ่ม แลดูสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ร่องแก้มของเราเองขึ้นมาด้วยค่ะ

สาเหตุการเกิดปัญหาร่องแก้ม

  • เกิดจากการที่กระดูกช่วงแก้มของเรายุบตัวหรือกร่อนตามวัย เมื่อกระดูกกร่อน ไขมันเดิมที่เคยเกาะอยู่บริเวณกระดูกของแก้มคล้อยตัวลงมา
  • เกิดจากแสงแดดและมลภาวะต่างๆ ทำให้คอลลาเจน และอิลาสตินน้อยลง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยร่องลึกได้ง่าย
  • เกิดจากการแสดงออกทางใบหน้า หรือเกิดขึ้นในหมู่คนจัดฟัน เพราะทำให้ผิวหน้าจะยับย่นเป็นรอยได้ง่าย
  • เกิดจากการพฤติกรรมต่างๆ เช่น พักผ่อนน้อย ดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์

เหตุผลที่ต้องฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม 

ปัจจุบัน ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งที่แพทย์ใช้ในการแก้ไขปัญหาร่องแก้มของคนไข้ ซึ่งจริงๆก็มีหัตถการอย่างอื่นที่สามารถแก้ไขปัญหาได้เช่นเดียวกันค่ะ แต่ การฉีดฟีลเลอร์ นั้น เป็นวิธีที่ค่อนข้างรวดเร็วไม่ซับซ้อน เห็นผลหลังทำชัดเจน และที่สำคัญไม่ค่อยเจอปัญหาหลังทำเสร็จ

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มอันตรายไหม ?

ความปลอดภัยเป็นเรื่องอันดับต้นๆที่หลายคนกังวล มักจะมีคำถามผุดขึ้นมาเสมอว่า ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม ซึ่งความอันตรายนั้นจะไม่เกิดขึ้นเลย หากเราตระหนักถึงปัจจัยเหล่านี้ค่ะ

  1. ฟิลเลอร์ต้องเป็นของแท้
    ฟิลเลอร์ที่ฉีดทั่วไปนั้นเป็นสารประเภท HA Filler เป็นสารชั่วคราวสลายได้เองตามธรรมชาติ แต่ถ้าสารที่เอามาฉีดเข้าผิวเรานั้น ไม่ใช่สาร HA Filler แต่เป็นสารชนิดอื่น จะเป็นอันตรายต่อผิวเราได้ เพราะเมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหนังแล้ว อาจทำให้รูปทรงผิดรูป บิดเบี้ยวไหลย้อย หรือสารไม่สามารถสลายเองได้ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ให้ชัดเจนก่อนว่าฟิลเลอร์ยี่ห้ออะไร 
  2. แพทย์ผู้ทำหัตถการ
    ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะใบหน้าของเรามีแค่ใบหน้าเดียว การฉีดฟิลเลอร์ เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ของการออกแบบรูปหน้า เพราะฉะนั้นลงทุนทั้งทีควรศึกษาให้ดี ไม่ใช่ทำกับใครก็ได้ ควรได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชียวชาญ แนะนำเป็นอาจารย์แพทย์จะดีที่สุด เพราะมีความรู้ และประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่างๆ

เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์

เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

    ก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในบริเวณร่องแก้ม ทางแพทย์ผู้ฉีดจะทำการวิเคราะห์ใบหน้าก่อนค่ะ เนื่องจากปัญหาร่องแก้มนั้น มักจะเชื่อมโยงไปยังจุดต่างๆ ของใบหน้า ฉะนั้นแพทย์จะพิจารณาเป็นรายๆ ไปว่าร่องแก้มของคนไข้แต่ละคนนั้นเกิดมาจากสาเหตุใด เพื่อเป็นการแก้ไขให้ตรงจุด เช่น การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ในคนไข้บางรายอาจมีการฉีดยกกระชับหน้าแก้มเสริมด้วย เพื่อดึงหน้าแก้มที่เคยหย่อนคล้อยให้ยกขึ้น จากนั้นถึงค่อยฉีด ฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้มค่ะ ซึ่งเทคนิคนี้จะทำให้บริเวณที่ฉีดดูสมดุลเป็นธรรมชาติ  

ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

เพื่อให้ความสวยครบจบสมบูรณ์ การดูแลตนเองหลังการฉีดฟิลเลอร์ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เช่นกัน ซึ่งวิธีหลักๆ มีดังนี้ค่ะ

1.หลังจากทำการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มไปแล้ว โดยปกติอาจจะมีอาการบวมตึง มีรอยแดงรอบๆบริเวณที่ฉีดประมาณ 1-2 วัน และจะหายไปได้เอง ไม่ต้องกังวลเหมือนกับการผ่าตัดศัลยกรรมที่ต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้นยาวนาน

2.ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้า หรือใช้ครีมบำรุงทุกชนิดหลังการฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อย 12 ชั่วโมงค่ะ

3.ควรดื่มน้ำให้เพียงพอกับปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน

4.ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องเผชิญกับความร้อน เช่น ออกกำลังกายหนักๆ ตากแดด เข้าซาวน่า การดื่มแอลกอฮอล์ ทำเลเซอร์ การนวดหน้า เป็นต้น

5.อย่าลืมทาครีมกันแดดด้วยนะคะ

 

 

ฟิลเลอร์ใต้ตา ร่องน้ำตา ถุงใต้ตา ควรใช้ CC

การทำฟิลเลอร์ใต้ตา โดยจะทำการฉีดสารเติมเต็มเข้าไปในบริเวณใต้ตา เพื่อเติมเต็มช่องว่างใต้ตา ทำให้ริ้วรอยร่องลึกที่เคยเป็นดูตื้น อย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังเป็นการเติมใยคอลลาเจนที่หายไป ทำให้ผิวหน้าของเรากลับมาเต่งตึง แลดูอ่อนเยาว์ขึ้นค่ะ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ยังทำให้ถุงใต้ตาดูลดลง และผิวบริเวณนี้ดูเรียบเนียนขึ้นจนดูเหมือนถุงใต้ตาดีขึ้นได้ โดยปริมานฟิลเลอร์สำหรับใช้ฉีดใต้ตานั้น เริ่มต้นที่ 1 – 4 cc ขึ้นอยู่กับชนิดฟิลเลอร์ที่ใช้ด้วยค่ะ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟิลเลอร์ใต้ตา ได้ที่ลิ้งค์ด้านล่าง

ไขข้อส่งสัยฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

 

ฟิลเลอร์เก็บกรอบหน้า

ฟิลเลอร์ jaw line เก็บกรอบหน้า ควรใช้ CC

การฉีดฟิลเลอร์เก็บกรอบหน้า นิยมฉีดเพื่อแก้ปัญหากรอบหน้าไม่ชัด หรือกรอบหน้าไม่เข้ารูป ที่มักพบได้บ่อยในคนไข้ที่เคยผ่าตัดเสริมคาง เนื่องจากซิลิโคนคางไม่รับกับแนวกราม และในกลุ่มคนไข้ที่เคยจัดฟันค่ะ การฉีดเก็บกรอบหน้านั้นนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาแนวกรามไม่ได้รูปแล้ว ยังสามารถช่วยทำให้กรอบหน้าของเราคมชัด ดูมีมิติขึ้นได้ด้วยค่ะ ปริมานฟิลเลอร์สำหรับใช้ฉีด เริ่มที่ 1 – 4 cc สูงสุดที่ 6 cc ค่ะ

ปริมาณฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์คางควรใช้ปริมานกี่ CC

โดยส่วนใหญ่การฉีดฟิลเลอร์คางนั้น มักนิยมใช้ปริมานฟิลเลอร์ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาน 1 – 2 cc ค่ะ สามารถใช้ได้ถึงสูงสุด 3 cc และนิยมใช้ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลแข็งมีความคงตัวสูง เพื่อให้สามารถคงสภาพอยู่ได้นาน และไม่เกิดการไหลย้อยค่ะ การฉีดฟิลเลอร์คางนั้น ยังรวมไปถึงการฉีดในบริเวณใต้ริมฝีปากล่าง เพื่อปรับรูปทรงของคางไม่ให้ดูยื่นได้ด้วยค่ะ

 

ฟิลเลอร์ปากควรใช้ปริมานกี่ CC

การฉีดฟิลเลอร์ปากนั้น นอกจากจะช่วยทำให้ปากดูอิ่มมีน้ำมีนวลมากขึ้นแล้ว ยังช่วยปรับเปลี่ยนรูปปาก ให้ได้สัดส่วน ดูเป็นธรรมชาติ และดูอ่อนกว่าวัยได้ด้วยค่ะ โดยทั่วไปแล้วการฉีกฟิลเลอร์ปากจะใช้ประมานฟิลเลอร์อยู่ 1 cc และสูงสุดที่ 2 cc ค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์ขมับควรใช้ ใช้กี่ CC

การฉีดฟิลเลอร์ขมับ นับเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาขมับตอบ ขมับยุบ ขมับบุ๋ม ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าดูมีอายุมากขึ้น โหนกแก้มดูเด่นขึ้น โดยการปริมานของฟิลเลอร์ที่ใช้นั้น เริ่มต้นที่ 1 – 2 cc ไปจนถึง 5 cc ค่ะ

ขั้นตอนการฟิลเลอร์

ขั้นตอนในการฉีดฟิลเลอร์ 

อันดับแรก คุณหมอจะทำให้ ประเมิน และวิเคราะห์ใบหน้าในบริเวณต่างๆ ที่คนไข้ต้องการเติม พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับชนิดของและ ปริมานของฟิลเลอร์ที่ต้องใช้ ขั้นตอนนี้ ใช้เวลาประมาน 15 – 30 นาที ค่ะ

  • หากกรณีคนไข้มีอาการแพ้ยาชา ควรแจ้งคุณหมอก่อนค่ะ

ต่อมา ก่อนอื่นคุณหมอ จะทำการแปะยาชาเพื่อป้องกันอาการช้ำ หลังทำการฉีด ใช้เวลาประมาน 30 นาที – 1 ชม เพื่อให้ยาชาออกออกฤทธิ์ 

หลังจากนั้น คุณหมอจะทำการ ฉีดยาชา ทำการบล็อคเส้นประสาท บนใบหน้า คล้ายกับการฉีดยาชาก่อนถอนฟันนั่นเองค่ะ เพื่อให้ช่วงที่ทำหัตถการคนไข้รู้สึกสบายมากที่สุดคะ โดยฟิลเลอร์จะใช้เวลาประมาณ 5-15 นาที ค่ะ

ขั้นตอนสุดท้าย เมื่อยาชาออกออกฤทธิ์ แล้วคุณหมอจะทำการ ฉีดฟิลเลอร์ เข้าสู่ใบหน้าในบริเวณที่ต้องการเติมค่ะ โดยจะฉีดในชั้นผิวที่ต่างกันไปค่ะ ในชั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาน 15 นาที  – 1 ชม ขึ้นกับตำแหน่งและปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ค่ะ. 

สรุปแล้ว

เนื่องจากใบหน้าของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกันค่ะ จึงต้องให้แพทย์จะต้องทำการประเมินโครงสร้างใบหน้า และความต้องการในปรับเปลี่ยนรูปหน้าของคนไข้ก่อนจึงจะสามารถบอกถึงปริมานของฟิลเลอร์ที่ต้องใช้ได้นั่นเองค่ะ

และหากท่านสนใจบทความอื่นๆ เกี่ยวกับ การทำฟิลเลอร์อื่นๆ สามารถอ่านได้ที่นี่ค่ะ

 

DoctorMekClinic-Button-Share

เว็บไซด์ doctormekclinic.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานเว็บภายในเว็บไซด์เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะของใคร ของผู้ใช้งาน

บันทึก