ผ่าตัด ถุงใต้ตา ทางออกนี้ดีจริงหรือ ?
‘ ถุงใต้ตา ’ เป็นอีกหนึ่งตัวการที่พรากความอ่อนเยาว์ของใบหน้าเราไป บางคนอายุน้อยๆ ก็มีถุงใต้ตากันซะแล้วค่ะ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ใครหลายๆ คนตัดสินใจผ่าตัดถุงใต้ตา เพื่อหวังว่าปัญหาจะหมดไป แต่แล้วก็มีบางคนที่ปัญหาไม่ได้จบลงเพียงแค่การผ่าตัดในครั้งเดียวค่ะ เพราะต้องเผชิญกับอาการใต้ตาโบ๋หลังการผ่าตัดค่ะ ซึ่งก็ต้องหาทางแก้ไขกันไปแบบไม่รู้จบค่ะ
ดังนั้นเราจึงขอเสนอวิธีแก้ปัญหาถุงใต้ตา ที่ช่วยให้เราสวยได้โดยไม่ต้องตัดออก หรือเสี่ยงให้เกิดใต้ตาแหว่งโบ๋ ให้เราต้องตามมาแก้กันทีหลังค่ะ ตามมาดูกันเลยดีกว่าค่ะ
ปัญหา ‘ ถุงใต้ตา ’ เกิดจากอะไร ?
ถุงใต้ตา คือการสะสมของชั้นไขมัน รวมถึงมีการหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อบริเวณใต้ตาล่างค่ะ ทำให้เห็นเป็นเนื้อบวมปูดยื่นออกมา คล้ายกับว่ามีถุงห้อยย้อยอยู่บริเวณใต้ตานั่นเองค่ะ
ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้เกิดถุงใต้ตา ?
- ลักษณะทางพันธุกรรมของคนในครอบครัว
- อายุที่เพิ่มมากขึ้น การสะสมของชั้นไขมันก็จะมีมากขึ้นตาม อีกทั้งการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวจะลดน้อยลง จึงทำให้เนื้อเยื่อรอบดวงตาหย่อนคล้อยลงมา
- เกิดในคนที่เป็นโรค เช่น โรคภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ ฯลฯ ซึ่งอาจทำให้มีทั้งถุงใต้ตา และรอยคล้ำรอบดวงตา
- การทำพฤติกรรมบางอย่างเป็นประจำ เช่น ขยี้ตาบ่อย นอนไม่เพียงพอ ร้องไห้บ่อย ใช้สายตามากเกินไป หรือการดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น
การมีถุงใต้ตา ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตามนะคะ ย่อมส่งผลทำให้ใบหน้าดูโทรมดูเหนื่อยล้าอยู่ตลอดเวลา แถมหน้ายังแลดูแก่กว่าวัยด้วยค่ะ แต่ทั้งนี้ ในปัจจุบันนั้นได้มีวิธีการต่างๆ มากมาย คิดค้นขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาถุงใต้ตาโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นทั้งวิธีการผ่าตัด และไม่ต้องผ่าตัดค่ะ
วิธีแก้ปัญหาถุงใต้ตา
วิธีในการแก้ปัญหาถุงใต้ตา มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธีหลักๆ ดังนี้ค่ะ
วิธีที่ 1. ไม่ต้องผ่าตัด
เหมาะสำหรับคนที่กลัวการผ่าตัด ซึ่งในปัจจุบันนั้น ได้มีวิธีต่างๆ ที่ช่วยในการลดถุงใต้ตา ได้โดยที่ไม่ต้องทำการผ่าตัดให้เจ็บตัวค่ะ อย่าง เช่น การฉีดสารเติมเต็ม หรือที่เราเรียกกันว่า ‘ ฉีดฟิลเลอร์ ’ (Filler) นั่นเองค่ะ
- ฟิลเลอร์ลดถุงใต้ตา
คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า “ ฟิลเลอร์ ” สามารถช่วยลดถุงใต้ตาได้ ขอบอกเลยว่าฟิลเลอร์นั้น นอกจากมีคุณสมบัติช่วยในการเติมเต็มให้ผิวดูฟูขึ้นตามที่ทุกคนเข้าใจแล้ว ฟิลเลอร์ยังช่วยในเรื่องของการยกกระชับผิวจึงทำให้ถุงใต้ตาลดลงได้โดยไม่ต้องผ่าตัดให้เสี่ยงใต้ตาโบ๋ค่ะ
- ฉีดฟิลเลอร์ช่วยให้ถุงใต้ตา ลดลงได้อย่างไร ?
เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่ผิวบริเวณใต้ต้าแล้ว ฟิลเลอร์จะเข้าไปช่วยเติมเต็มบริเวณที่เป็นร่องลึกรอบๆ ถุงใต้ตา เพื่อดันผิวหนังขึ้น ให้กระชับ เต่งตึง จนเรียบเนียน ทำให้ผิวกลับมาเนียนเรียบเสมอกัน ราวกับว่าถุงใต้ตาของเราลดลงไปนั่นเองค่ะ
ทั้งนี้ การฉีดเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาได้ดี และปลอดภัยนั้น ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์ผู้ฉีดค่ะ รวมไปถึงการเลือกชนิดของใช้ฟิลเลอร์ที่ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิวของคนไข้ด้วย เพราะหากไม่ระวัง หรือมองข้ามเรื่องเหล่านี้ไป การรักษาแทนที่จะทำให้ดูดีขึ้น อาจกลับดูแย่ลงกว่าเดิมได้ค่ะ
เคสตัวอย่าง คุณมิ้นท์ ฉีดฟิลเลอร์ลดถุงใต้ตา อ่านเพิ่มเติมได้ที่ คลิ๊ก >
- ผ่าตัดถุงใต้ตาแล้วใต้ตาโบ๋ แก้ด้วยฟิลเลอร์
หลายๆ คนที่เคย ผ่าตัดถุงใต้ตามาก่อน เชื่อว่าหนึ่งในสิบคน ต้องมีสักคนที่ต้องเผชิญกับปัญหา
“ อาการใต้ตาโบ๋ เบ้าตาลึก อันเนื่องมาจากผ่าตัดเอาไขมัน และหนังใต้ตา ออกมากจนเกินไป ”
ซึ่งส่งผลทำให้ใบหน้าดูโทรม และแก่กว่าวัยนั่นเองค่ะ
การแก้ไขโดยการ ‘ ฉีดฟิลเลอร์ (HA Filler) ’ นับเป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง ที่กำลังได้รับความนิยมมากๆ ในยุคนี้ เพราะเมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหนังแล้ว จะช่วยให้ผิวหนังบริเวณใต้ตา กลับมาดูเต็ม ยกกระชับ และไม่ส่งผลให้เกิดถุงใต้ตาเหมือนก่อนทำการผ่าตัดอีกด้วย
ในส่วนของ HA ฟิลเลอร์ นั้นเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างใดๆ ค่ะ ทำให้ไม่มีผลข้างเคียงหลังการฉีดเลยนั่นเอง
ระหว่างฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กับฉีดไขมันใต้ตา
เมื่อเทียบกับการ ‘ ฉีดไขมัน (FAT Filler) ’ ที่หลายคนคงให้ความสนใจไม่น้อยไปกว่ากัน ต้องขอบอกว่า ผลลัพธ์ที่ได้นั้นไม่สามารถคาดเดาได้ เนื่องจากเมื่อทำการฉีดไขมันเข้าสู่ร่างกายแล้ว เซลล์ไขมันอาจจะเกิดการเสื่อมสภาพ (ไขมันตาย) ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่แน่นอน นอกจากนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเปอร์เซนต์การอยู่รอดของไขมันจะมีมากน้อยแค่ไหนค่ะ
ซึ่งหากเซลล์ไขมันตาย อาจส่งผลทำให้ผิวไม่เรียบเนียน เกิดเป็นก้อน เป็นคลื่นได้ และหากอาการไม่ดีขึ้น อาจจะต้องทำการผ่าตัดขูดเอาไขมันออกกันเลยค่ะ
นอกจากนี้หากไขมันที่ฉีด เข้าไปอุดตันเส้นเลือด อาจจะทำให้เกิดอาการตาบอด หรือเนื้อตายได้อีกด้วย และไม่มีสารฉีดสลายได้เหมือนฟิลเลอร์ค่ะ
ฉีดไขมันแล้วหน้าพัง !! เคสอุทาหรณ์จากประสบการณ์จริง อ่านเพิ่มเติมได้ที่ คลิ๊ก >
วิธีที่ 2. ผ่าตัดถุงใต้ตา
การ ผ่าตัดถุงใต้ตา ถือว่าเป็นวิธีที่สามารถแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาได้ดีถึงรากถึงโคนเลยค่ะ โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดตามแนวขอบตาล่าง เพื่อทำการเลาะเอาเนื้อเยื่อ และก้อนไขมันส่วนเกินออกไป ผลลัพธ์ที่ได้นั่นคือ ผิวหนังบริเวณใต้ตาไม่เป็นถุงห้อยย้อยลงมาค่ะ แต่ในทางกลับกันหากนำเนื้อเยื่อออกมากเกินไปก็อาจจะส่งผลให้เกิดอาการตาโหล เบ้าตาลึกตามมาด้วยเช่นกันค่ะ
แม้ว่าการผ่าตัดถุงใต้ตาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด แต่ก็มีความเสี่ยงสูง ทั้งในช่วงระหว่างทำการผ่าตัด และหลังผ่าตัดค่ะ รวมถึงอาจจะต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน นอกจากนี้ยังต้องดูแลตัวเองอย่างถูกต้องหลังการผ่าตัดเพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อด้วยนั่นเองค่ะ
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
ผลข้างเคียงระหว่าง – หลังการผ่าตัดถุงใต้ตา
- แม้จะเป็นการผ่าตัดแผลขนาดเล็ก แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเสียเลือดในปริมาณมากได้เช่นกันค่ะ ซึ่งจะส่งผลให้แผลมีความบอบช้ำ และหายช้าได้
- ถ้าผ่าตัดเอาถุงใต้ตาออกมากเกินไป อาจจะทำให้ผิวหนังใต้ตายุบตัวมากกว่าปกติ ส่งผลให้เบ้าตาดูลึก และมีความหมองคล้ำนั่นเองค่ะ
- อาจเกิดรอยแผลเป็น หากเย็บแผลไม่ดี หรือดูแลแผลไม่ดีพอค่ะ
- เสี่ยงอาการ ตาปลิ้น หรือตาแหก เนื่องจากการหดรั้งของแผล
- หากไม่ดูแลความสะอาดให้ดีพอ อาจเกิดการติดเชื้ออักเสบ หรือเป็นหนองได้ค่ะ
- คงอยู่ไม่ถาวร เมื่อเวลาผ่านไปก็จะเกิดการสะสมของไขมัน ทำให้ผิวใต้ตากลับไปหย่อนคล้อยเหมือนเดิมค่ะ
โดยสรุปแล้วการถุงใต้ตา
การรักษาปัญหาถุงใต้ตา ไม่ว่าจะเป็นวิธีการผ่าตัด หรือไม่ผ่าตัดนั้น ต่างก็มีข้อดี – ข้อเสียแตกต่างกันไปค่ะ
ดังนั้น ไม่ว่าเราจะเลือกวิธีไหนในการรักษาก็ตามนะคะ พึงระลึกไว้เสมอว่า บริเวณใกล้ตาเป็นจุดสำคัญ และมีความบอบบางมากค่ะ ฉะนั้นควรได้รับการรักษาโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดในอนาคตค่ะ
สุดท้ายนี้สำหรับท่านที่สนใจบทความ และบริการอื่นๆ ของทางเราสามารถอ่านได้ได้ตามลิ้งค์ด้านล่างค่ะ
สุดท้ายนี้ หากสนใจข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ลดถุงใต้ตา สามารถเข้าไปรับชมข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับของคลินิกเราได้ตามช่องทางดังนี้ค่ะ Website , Facebook Page , Youtube