ถ้าให้นึกถึงผลไม้ที่ทานเพื่อให้ผิวมีสุขภาพดี ดูอ่อนกว่าวัย แน่นอนว่าผลไม้จากตระกูลเบอร์รี่ก็ยังอยู่ใน choice อันดับต้น ๆ ของใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นสตรอว์เบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ เชอร์รี่ และอื่น ๆ ล้วนเป็นประโยชน์ต่อผิวเราทั้งสิ้น แต่หากว่าใครยังไม่รู้จัก หรือยังไม่ทราบถึงคุณประโยชน์ของผลไม้เหล่านี้มากนัก เราก็จะพามาแนะนำผลไม้ตระกูลเบอร์รี่พร้อมสรรพคุณมากมายที่คุณจะต้องอยากไปหาซื้อมาลองทานกันอย่างแน่นอนค่ะ
รวบรวมผลไม้จากตระกูลเบอร์รี่ ที่มาพร้อมกับคุณประโยชน์
• บลูเบอร์รี่ (Blueberry)
บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ลูกเล็ก ๆ สีม่วงหรือสีออกน้ำเงินเข้ม รสชาติเมื่อทานไปแล้วจะให้ความรู้สึกเปรี้ยวอมหวาน ตัวบลูเบอร์รี่อุดมไปด้วยวิตามินที่หลากหลาย พร้อมให้คุณประโยชน์ต่อผิวอย่างครบครัน มีส่วนช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเกิดริ้วรอยขึ้นบนใบหน้า ผิวพรรณสดใส มอบความสวยงามให้แก่ผิว แต่นอกจากเรื่องผิวแล้ว สุขภาพร่างกายก็ไม่แพ้กัน เพราะผลไม้ชนิดนี้จะเข้ามาช่วยลดความเสื่อมสภาพของร่างกาย ลดอัตราการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ดี ซึ่งเรามักเห็นบลูเบอร์รี่ในเมนูของหวาน และเครื่องดื่มค่ะ
• แบล็กเบอร์รี่ (Blackberry)
ผลสีม่วงเข้ม เป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมในแถบยุโรปและอเมริกา แต่ถือว่าเป็นผลไม้ที่ค่อนข้างหาทานยากในบ้านเราเลยละค่ะ รสชาติจะออกเปรี้ยวอมหวาน รู้สึกฉ่ำน้ำ เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามิน บำรุงผิวพรรณให้สวยงาม เสริมสร้างและฟื้นฟูคอลลาเจนที่หายไป ชะลอความเหี่ยวย่นของผิว ทำให้ผิวแลดูเต่งตึงอ่อนเยาว์มากขึ้น และหากทานแบล็กเบอร์รี่เป็นประจำยังช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้และโรคหัวใจอีกด้วยค่ะ นิยมนำไปทำเป็นเครื่องดื่ม ไอศกรีม หรือจะทาเป็นแยมขนมปังก็อร่อยมากเลยค่า
• แบล็กเคอแรนท์ (Blackcurrant)
ลักษณะเนื้อผิวเรียบ ลูกกลม ๆ ผลเล็ก รสชาติเปรี้ยวหวานและมีกลิ่นหอม เป็นผลไม้ที่ถูกขนานนามว่าเป็น “ราชาแห่งเบอร์รี่” เพราะว่าแบล็กเคอแรนท์ประกอบไปด้วยวิตามินซีสูงมากกว่าส้มถึง 4 เท่า และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปรับสีผิวให้เรียบเนียน ผิวดูนุ่มชุ่มชื้น กระตุ้นคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ผิวดูสุขภาพดีเป็นธรรมชาติ ทำให้ถูกนำมาเป็นสารสกัดในอาหารเสริมด้านความงาม นอกจากนี้ยังสามารถบำรุงสายตา ป้องกันโรคต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี หลายคนแนะนำว่าให้นำไปแช่เย็นก็จะยิ่งทวีคูณความอร่อยเข้าไปอีก
• ราสเบอร์รี่ (Raspberry)
ราสเบอร์รี่หรือแรสเบอร์รี่ ที่มีภาษาถิ่นของไทยเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “หนามไข่ปู” มีถิ่นกำเนิดมาจากแถบยุโรป นิยมปลูกในที่ที่มีอากาศหนาวอย่างพื้นที่สูงหรือบนดอย ลักษณะก็จะเป็นลูกสีแดง ผลเล็กมีขนนุ่ม ๆ รสชาติหวานเปรี้ยว เป็นผลไม้ที่มีแคลอรีและไขมันต่ำ ช่วยคุมน้ำหนักได้ มีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินเอ วิตามินอีและวิตามินซี ช่วยสมานแผลหรือผิวให้หายเร็วขึ้น บำรุงผิวให้คงความอ่อนเยาว์เอาไว้ ชะลอการเกิดริ้วรอยบอกวัยบนใบหน้า นิยมนำไปเป็นส่วนประกอบของหวาน อย่างคัพเค้ก คุกกี้ แยมหรือจะนำไปทานคู่กับสลัดผักหรือโยเกิร์ต
• แครนเบอร์รี่ (Cranberry)
มีลักษณะเป็นผลสีแดง รสชาติเปรี้ยวอมหวาน เป็นอีกหนึ่งในผลไม้ที่ถูกนำไปสกัดเป็นส่วนประกอบของอาหารเพื่อสุขภาพ และยังพบว่าภายในผลยังมีส่วนประกอบที่ช่วยลดการเกิดสิวใหม่หรือช่วยลดการอักเสบของสิว ผิวดูเรียบเนียนกระจ่างใส ยับยั้งการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว สร้างความชุ่มชื้นให้ผิวไม่แห้งกร้าน พร้อมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระชะลอผิวไม่ให้แก่เร็ว ทำให้ผิวพรรณของเราดูสุขภาพดีขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดีอีกด้วยค่ะ ส่วนมากจะนิยมนำไปอบแห้งเพื่อรับประทาน หรือนำมาคั้นเป็นน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ
• เคพกูสเบอร์รี่ (Cape Gooseberry)
ผลไม้ลูกสีส้มอมเหลือง ผลเล็กพอดีคำ ถูกห่อหุ้มด้วยกลีบแห้ง ๆ และอีกชื่อหนึ่งที่คนไทยมักคุ้นหูกันในชื่อ “โทงเทงฝรั่ง” รสชาติจะเปรี้ยวอมหวาน ให้ความรู้สึกเนื้อชุ่มฉ่ำ และยังมีกลิ่นหอม ๆ เฉพาะตัวของมันด้วย มีวิตามินซีสูง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคหวัด บำรุงสายตา แคลอรีต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก พร้อมทั้งช่วยบำรุงผิวให้ดูกระจ่างใสถูกใจสาว ๆ หลายคนก็มักนำมารับประทานคู่กบน้ำผึ้งก็จะได้รสชาติที่ดีเยี่ยม
• มัลเบอร์รี่ (Mulberry)
มัลเบอร์รี่ หรือที่คนไทยเรียกว่า “ลูกหม่อน” มีทั้งสีม่วงที่จะให้ความหวาน และสีแดงอมม่วงจะออกหวานเปรี้ยว อัดแน่นไปด้วยวิตามินและสารที่ช่วยบำรุงสุขภาพร่างกาย สุขภาพผิวให้มีการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการเกิดสิว ผิวพรรณเปล่งปลั่ง บำรุงสายตา ป้องกันหวัดหรือโรคภูมิแพ้ได้ ลดอาการปวดประจำเดือน ต้านมะเร็ง ส่วนมากจะนำมาคั้นเป็นน้ำผลไม้สมูทตี้ หรือทำเป็นแยมขนมปัง และตรงใบของมัลเบอร์รี่หากนำไปตากแห้งแล้วชงเป็นชาร้อนก็จะได้กลิ่นหอม ๆ รสชาติเริ่ด
• สตรอว์เบอร์รี่ (Strawberry)
ผลไม้เพื่อสุขภาพที่หลายคนรู้จักกันดีหรือจะทานเป็นของโปรดเลยก็ว่าได้ มาพร้อมกับความอร่อยและคุณประโยชน์ที่อัดแน่นอยู่ในผลสีแดงฉ่ำ มีกากใยสูง ช่วยเรื่องภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง ผสานไปด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนในการสร้างคอลลาเจน ชะลอวัย ลดการเกิดริ้วรอย และป้องกันการเสื่อมสภาพของใบหน้า เรียกได้ว่าเป็นผลไม้ที่ได้ช่วยเรื่องผิวอย่างครบครัน
• องุ่น (Grape)
องุ่นเป็นอีกหนึ่งชนิดที่อยู่ในตระกูลเบอร์รี่ด้วยเช่นกันค่ะ จัดอยู่ในกลุ่ม True Berry กระตุ้นความสดชื่นให้กับผิวได้ดี มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดริ้วรอย ความหมองคล้ำ และเติมเต็มความกระชับให้แก่ผิว นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยต้านโรคมะเร็ง ลดความดันโลหิต แก้อาการกระหายน้ำ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่ทานง่าย ให้ความอร่อย อุดมไปด้วยประโยชน์มากมายเลยค่ะ
จะเห็นได้ว่าผลไม้เหล่านี้นอกจากจะทานเปล่า ๆ ได้แล้วก็ยังถูกนำไปเป็นส่วนประกอบของอาหาร ของหวาน เครื่องดื่มอีกมากมาย แล้วแต่เราจะรังสรรค์มันออกมาเพื่อเพิ่มความอร่อยให้รสชาติถูกปากมากที่สุด แต่เมื่อมันถูกนำไปผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ ก็อย่าลืมคำนึงถึงส่วนประกอบที่นำไปผสมด้วยนะคะ เช่น น้ำตาลที่นำไปผสมกับผลไม้ อาจทำให้คุณประโยชน์ที่มากับผลไม้ดูจางลงไปได้ค่ะ
แต่สำหรับบางคนแค่การทานผลไม้ก็อาจจะยังรู้สึกว่ามันไม่สามารถปรับผิวให้สวยได้เร็วดั่งใจ เพราะฉะนั้นเราจึงอยากจะแนะนำให้รับประทานผลไม้เหล่านี้ควบคู่ไปพร้อมกับการดูแลผิวด้วยเทคนิคจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ Doctor Mek Clinic ค่ะ ซึ่งเป็นคลินิกที่ขึ้นชื่อเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ที่แม้แต่เหล่าซุปตาร์คนดังก็ยังต้องมาที่คลินิกแห่งนี้ ด้วยความชำนาญและความแม่นยำของทีมแพทย์ผู้ทำการรักษา รวมไปถึงเครื่องมือที่ทันสมัยประสิทธิภาพสูง จึงทำให้ได้รับความเชื่อใจจากผู้ที่มาใช้บริการ และหากใครที่กำลังรู้สึกว่าตนเองเริ่มมีปัญหาผิวที่ขัดต่อการใช้ชีวิตประจำวัน พบปะผู้คน เราแนะนำเป็นการรักษาด้วยเทคนิคการยกกระชับปรับรูปหน้า mint lift procedure ซึ่งจะมีการให้คุณหมอผู้เชี่ยวชาญเข้ามาให้คำแนะนำ วิเคราะห์และประเมินสภาพผิวหน้าของเรา จากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนในการรักษาด้วยเทคนิคพิเศษที่ในแต่ละเคสนั้นก็จะมีเทคนิคที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาผิวของแต่ละคนค่ะ แต่หลัก ๆ ก็จะเป็นการนำเส้นไหมสลายพิเศษเข้าไปยึดกล้ามเนื้อด้านในเพื่อพยุงผิวให้มีความตึงกระชับขึ้น เมื่อทำเสร็จแล้วจะเราเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ (ผลลัพธ์การรักษาจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล) โดยตัวไหมจะสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ แต่จะอยู่ได้นานถึง 12 เดือน โดยไม่เป็นอันตรายต่อเซลล์ผิว หากใครสนใจสามารถเข้ามาติดต่อสอบถามได้ที่ Inbox ทาง Doctor Mek Clinic ค่ะ